
ภาวะรกเกาะต่ำ (placenta previa) คืออะไร มีอาการอย่างไร
คือภาวะที่มีการเกาะของรกที่ตำแหน่งใกล้หรือคลุมปากมดลูก ซึ่งอยู่ในส่วนล่างของมดลูก จึงเรียกว่ารกเกาะต่ำพบอุบัติการประมาณ 0.5-5% ของสตรีตั้งครรภ์ครบกำหนด มีการแบ่งแยกเป็น 4 ระดับความรุนแรง คือ
- Placenta previa low lying คือรกเกาะ ใกล้กับปากมดลูก ห่างน้อยกว่า 2 ซม. แต่ยังไม่ถึง ปากมดลูก
- Placenta previa marginalis คือรกเกาะที่ขอบปากมดลูกพอดี
- Placanta previa partialis คือภาวะรกเกาะต่ำ คลุมบางส่วนของปากมดลูก
Placenta previa totalis คือรกคลุมส่วนทั้งหมดของปากมดลูก ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงมากที่สุด
อาการ สตรีตั้งครรภ์จะมาด้วยมีเลือดออก โดยที่ยังไม่มีอาการเจ็บครรภ์ อาการมักจะเป็นในช่วงระยะท้ายของไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ บางรายอาจมีหน่วงท้องได้เล็กน้อย หากเลือดออกมีปริมาณมาก ก็จะเป็นอันตรายต่อสตรีตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์ได้
สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง
สาเหตุหรือ กระบวนการเกิดโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เกิดจากการที่มีการฝังตัวของ กลุ่มเซลล์ตัวอ่อน รวมถึงรก ที่ตำแหน่งส่วนล่างของมดลูก โดยพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าวนี้ ได้แก่ การเคยผ่าตัดคลอด หรือ เคยขูดมดลูกมาก่อน, ตั้งครรภ์ในท้องหลัง, อายุมากขึ้น, ตั้งครรภ์แฝด, การสูบบุหรี่, เชื้อชาติที่ไม่ใช่ชาวยุโรบ และเคยมีประวัติเป็นรกเกาะต่ำมาก่อน
อาการที่สงสัยจะเป็นภาวะรกเกาะต่ำ
สตรีตั้งครรภ์ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา เมื่อเข้าสู่ระยะท้ายไตรมาส 2 จนถึงไตรมาสที่ 3 ( 24-28 สัปดาห์ขึ้นไป)และมีอาการมีเลือดออก จากช่องคลอด โดยที่ยังไม่มีอาการเจ็บท้อง ลักษณะเป็นเลือดสดไหลออกมา บางรายมีปริมาณเล็กน้อยแค่เปื้อนผ้านุ่ง หรือบางรายออกมาเป็นปริมาณมาก หลายสิบซีซี อาจจะมีภาวะรกเกาะต่ำได้
การวินิจฉัย
จำเป็นต้องใช้การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ทางหน้าท้อง เพื่อยืนยันตำแหน่งของรก ว่าเกาะต่ำ ใกล้กับปากมดลูกหรือไม่ และหากการตรวจอัลตราซาวด์ทางหน้าท้องไม่สามารถเห็นขอบของรกได้ชัดเจน อาจจะจากทารกบังรกไว้ ก็จำเป็นต้องตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด เพื่อดูตำแหน่งของรกว่า ห่างจากปากมดลูกเท่าใด หรือคลุมปากมดลูกจริงหรือไม่เพียงใด นอกจากนี้การตรวจอุลตราซาวด์ ยังมีประโยชน์ในแง่การบอก ภาวะแทรกซ้อน ว่ามีการเกาะแน่น ของรก (placenta accrete spectrum) หรือไม่ ซึ่งผู้ที่มีภาวะรกเกาะต่ำ โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่าตัดคลอดร่วมด้วย จะยิ่งเสี่ยงต่อภาวะรกเกาะแน่นมากขึ้น ซึ่งหากสงสัยว่า มีภาวะนี้ร่วมด้วย ควรมีกระบวนการยืนยันการวินิจฉัย เช่นการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการดูแล และผู้เชี่ยวชาญ หรือ การตรวจ MRI ต่อไป
การดูแลรักษา และการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นภาวะรกเกาะต่ำ
ในรายที่อาการเป็นไม่มาก แพทย์ให้กลับบ้านได้ ควรหลีกเลี่ยงการยืน หรือเดินนานๆ การนอนจะลดโอกาสการมีเลือดออกซ้ำได้ดีที่สุด งดการมีเพศสัมพันธ์ ห้ามยกของหนัก กินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย และรับประทาน ผัก ผลไม้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะท้องผูก สังเกตลูกดิ้นทุกวัน หากมีอาการเจ็บท้อง หน่วงท้อง ให้รีบไปพบแพทย์