
เสี่ยงข้อไหนให้ปากกาเอามาวง
เสี่ยงข้อไหนให้ปากกาเอามาวง
เสี่ยงข้อไหนให้ปากกาเอามาวง
ในยุคที่ไวรัสโควิดระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ทำให้คนหันมาสนใจที่จะป้องกันโรคติดเชื้อที่ป่วยได้จากการติดต่อกันได้ง่ายและอาจมองข้ามโรคไม่ติดต่อที่สำคัญซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนไทย โดยข้อมูลที่น่าสนใจคือในตลอดปี2564 คนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิดเสียอีก
สิ่งที่น่าตกใจคือจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ทุก 1 ชั่วโมงคนไทยจะเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดถึง 7 คน สาเหตุเนื่องจากวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันเปลี่ยนไปทั้งเรื่องสภาพอากาศที่มีฝุ่นpm 2.5 จำนวนมากภาระงานที่เครียดเร่งรีบกดดันความนิยมบริโภคอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้นเนื้อติดมันของทอดกะทิชีสเบเกอรี่เครื่องดื่มที่มีความหวานและมันรวมถึงวิถีชีวิตที่ไม่เอื้อต่อการออกกำลังกาย
จากประสบการณ์ตรงที่ได้มีโอกาสดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดจะพบว่าผู้ป่วยที่พบเห็นมีช่วงอายุที่เริ่มป่วยในวัย20-30 ปีมากขึ้นในบางรายที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดระดับรุนแรงจนถึงเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจนต้องทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจในวัยเพียง20 ปีและถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้หลังจากทำบอลลูนผู้ป่วยหลายรายก็ต้องสูญเสียการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจไปจำนวนมาก
ดังนั้นเราควรจะตื่นตัวในการป้องกันก่อนจะเกิดโรคหัวใจขาดเลือดโดยควรจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตามหัวข้อดังต่อไปนี้
- เบาหวาน
- ความดันเลือดสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- สูบบุหรี่
- น้ำหนักตัวเกินโดยเฉพาะอ้วนลงพุง
- เครียด
- ไม่ออกกำลังกาย
อาการที่ทำให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคหัวใจขาดเลือด มีดังนี้
1.แน่นหน้าอกคล้ายถูกกดทับอาจจะมีอาการร้าวไปที่กรามไหล่แขนสะบักหรือลิ้นปี่ร่วมด้วยโดยเฉพาะถ้ามีอาการสัมพันธ์กับการออกแรงจะทำให้เพิ่มความน่าจะเป็นที่จะเป็นโรคแต่ผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยปวดกรามปวดไหล่หรือปวดจุกลิ้นปี่เพียงอย่างเดียวทำให้ผู้ป่วยดังกล่าวอาจจะเข้าใจผิดว่าตนเองมีอาการของโรคอื่นๆที่ไม่ใช่โรคหัวใจขาดเลือดได้
2.เหนื่อยง่ายเวลาออกแรงออกกำลังกาย
3.ใจสั่นหวิวหรือรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ
4.วูบหน้ามืดจะเป็นลม
ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้นแล้วก็ควรจะหมั่นตรวจเช็คร่างกายว่ามีโรคหัวใจขาดเลือดแฝงเร้นอยู่หรือไม่ เพราะผู้ป่วยหลายรายจะมีอาการของโรคไม่ชัดเจนหรือไม่จำเพาะเช่นรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิมเวลาออกแรงทำให้หลายรายเข้าใจว่าเหนื่อยง่ายเพราะเริ่มมีอายุหรือนำ้หนักตัวมากหรือเป็นเพราะตนเองไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแต่ในความเป็นจริงแล้วอาการเหนื่อยง่ายเวลาออกแรงก็อาจเป็นอาการนำของโรคหัวใจขาดเลือดได้ และอีกอาการนำที่พบบ่อยและอาจทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตนมีโรคหัวใจขาดเลือดก็คือผู้ป่วยโรคนี้บางรายมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ทำให้อาจเข้าใจว่าตนเป็นโรคกระเพาะอาหารหรือโรคกรดไหลย้อนเป็นต้น
สรุปว่าใครที่มีความเสี่ยงหรือมีอาการที่อาจเป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามหัวข้อข้างบนควรจะปรึกษาอายุรแพทย์โรคหัวใจเพื่อได้รับการซักประวัติตรวจร่างกายอย่างละเอียดถี่ถ้วนและพิจารณาตรวจเพิ่มเติมตามความเหมาะสมเช่น
1.ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ(EKG)
2.ทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกายหรือเดินสายพาน(Exercise stress test)
3.ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง(Echocardiogram)
4.ฉีดสีประเมินหลอดเลือดหัวใจ(Coronary angiogram)
นพ.บุญชู ศรีชัยเวทย์
อายุรแพทย์โรคหัวใจ