
วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis จัดอยู่ในกลุ่ม Mycobacterium tuberculosis complex วัณโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอด (ร้อยละ 80) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย วัณโรคนอกปอดอาจพบได้ในอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น
- พบได้ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคเอดส์ หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
- มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากมีโรคบางอย่างหรือเข้ารับการรักษาบางประเภท เช่น ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือ กำลังทำเคมีบําบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
- ผู้ติดสารเสพติด
- ไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ทำให้บางรายมีอาการหอบ หรือไอมีเสมหะปนเลือด
- หนาวสั่น ไข้ต่ำ เหงื่อออกผิดปกติในเวลากลางคืน
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
- มีอาการอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
- ในรายที่เป็นเด็กอาการจะรุนแรงหนักกว่าผู้ใหญ่เพราะภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่า
โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคอาจเป็นกันได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากปอดก็ได้ เช่น ไต กระดูกสันหลัง หรือสมอง โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณร่างกายที่เกิด เช่น ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังหากวัณโรคลงกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยอาจมีเลือดในปัสสาวะหากวัณโรคลงไต
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค หรือ สวมหน้ากากอนามัย เมื่อมีความเสี่ยงต่อการอยู่ใกล้ผู้ป่วยวัณโรค
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด
- ควรตรวจร่างกายโดยการเอกซเรย์ปอดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
แม้วัณโรคจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำได้เช่นกันหากผู้ป่วยรับประทานยาไม่ครบตามกำหนด ดังนั้น เป้าหมายสำคัญในการรักษา คือ การรักษาให้หายขาดเพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อและป้องกันการดื้อยาของเชื้อวัณโรค
- ผู้ป่วยวัณโรคมีระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด 6 เดือน โดย 2 เดือนแรกต้องรับประทานยา 4 ชนิด เช่น ไอโซไนอะซิด (Isoniazid) , ริฟามพิน (Rifampin) , เอทแทมบูท (Ethambutol) , ไพราซีนาไมด์ (Pyrazinamide)
- เมื่อรักษาครบ 2 เดือน แพทย์จะตรวจเสมหะหรือเอกชเรย์ปอดช้ำ หากมีการตอบสนองที่ดีแพทย์จะลดยาเหลือ 2 ชนิด และให้การรักษาต่อไปอีก 4 เดือน
ที่มา : กองวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข