
โรคหัวใจคือโรคยอดฮิตอันดับต้น ๆ ที่คร่าชีวิตของคนทั่วโลกมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งโรคหัวใจที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเยอะที่สุดทั่วโลกคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ซึ่งพบได้มากในผู้สูงอายุ ตามมาด้วยโรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคกล้ามเนื้อหัวใจ แม้ในอดีตโรคหัวใจจะเป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าคนที่อายุยังน้อยหรือวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้มากเช่นกัน
การตรวจคัดกรองโรคหัวใจ แพทย์มักเริ่มด้วยการตรวจร่างกายเบื้องต้น สอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย รวมถึงบุคคลในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคหัวใจ จากนั้นจึงพิจารณาความเป็นไปได้แล้วเลือกวิธีวินิจฉัยขั้นต่อไป
เป็นการตรวจหัวใจเบื้องต้น มีประโยชน์ในการคัดกรองความผิดปกติหัวใจเบื้องต้น เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงในการตรวจ แต่สามารถให้ผลของการทำงานของหัวใจที่ละเอียดและมีประสิทธิภาพต่อการวินิจฉัย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำขั้วไฟฟ้ามาติดตามตำแหน่งต่างๆ เช่น ที่ข้อมือเท้า และหน้าอก หลังจากนั้นเครื่องจะประมวลผลเป็นกราฟคลื่นหัวใจ ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 5-10 นาที
ใครที่ควร ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ EKG
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หรือสูบบุหรี่
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือมีอาการลิ้นหัวใจรั่ว
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ บอกอะไรเรา?
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute Myocardial Infarction)
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายหนาตัวผิดปกติจากสาเหตุต่าง ๆ (Left Ventricular Hypertrophy)
- โรคของกล้ามเนื้อหัวใจชนิดต่าง ๆ (Cardiomyopathy)
- โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis)
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะทั้งแบบเต้นช้าผิดจังหวะ (Bradyarrhythmias) หรือแบบเต้นเร็วผิดจังหวะ (Tachyarrhythmias)
- โรคของเกลือแร่ที่ผิดปกติบางชนิด เช่น ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงหรือต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงหรือต่ำ
เป็นการตรวจหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือตรวจหาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะที่เกิดขณะออกกำลังกาย โดยการวิ่งสายพาน ผู้ป่วยเหล่านี้อาจไม่มีอาการ หรือความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะพัก แต่เมื่อออกกำลังกายหัวใจจะมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ ทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดมีอาการแสดงและการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้
ใครที่ควร ตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือ EST
- อายุ 40 ขึ้นไป
- เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ เหนื่อยมากเมื่อออกกำลังกาย
การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย บอกอะไรเรา?
- โรคหลอดเลือดตีบตัน
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เป็นการตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ โครงสร้างหัวใจ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงผ่านผนังทรวงอก โดยใช้การสะท้อนกลับของคลื่นเสียงความถี่สูงที่ถูกปล่อยออกมาจากหัวตรวจส่งผ่านผนังทรวงอกไปถึงหัวใจ เมื่อคลื่นเสียงผ่านอวัยวะต่างๆ ก็จะเกิดสัญญาณสะท้อนกลับที่แตกต่างกันระหว่างน้ำกับเนื้อเยื่อ คอมพิวเตอร์จะนำสัญญาณเหล่านี้มาแปลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจ
ใครที่ควร ตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง หรือ ECHO
- ผู้ที่มีอาการเหนื่อย หอบ และมีอาการบวม
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องของลิ้นหัวใจตีบ หัวใจโต
การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย บอกอะไรเรา?
- โรคหัวใจโต
- ลิ้นหัวใจตีบ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ
- โรคของเยื่อหุ้มหัวใจ
เป็นการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบตลอดเวลา ในช่วงระยะเวลา 24 – 48 ชั่วโมง โดยสามารถติดกลับบ้าน และทำงานได้ตามปกติ เครื่องจะทำการอัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอดเวลา หากมีอาการเครื่องจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้แพทย์ทราบถึงปัญหาได้
ใครที่ควรใช้ เครื่องบันทึกหัวใจ
- ผู้ที่มีอาการใจสั่น
- หน้ามืด วูบ เป็นลม หมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่มีอาการหัวใจเต็นผิดจังหวะ
เครื่องบันทึกหัวใจแบบพกพา บอกอะไรเรา?
- เพื่อติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงว่ามีความผิดปกติแบบใด เกิดเวลาใด และมีอาการหรือไม่
- เพื่อให้แพทย์ประเมินความถี่ และความรุนแรงของการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ขณะทำกิจวัตรประจำวันที่บ้าน
เป็นการตรวจหัวใจเพื่อดูเส้นเลือดของหัวใจว่ามีหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน หรือความผิดปกติอื่นๆ ของหลอดเลือดหัวใจบ้างหรือไม่ รวมถึงใช้ติดตามผลการรักษาภายหลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งผู้ที่เข้ารับการตรวจวิธีนี้จะได้รับสารทึบรังสีเพื่อให้ได้ภาพเอกซเรย์ที่ดีที่สุด
ใครที่ควร ตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CTA
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ ผู้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือมีหลอดเลือดหัวใจผิดปกติ
- ผู้ที่ต้องการติดตามผลการผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ บอกอะไรเรา?
- เพื่อดูแคลเซียมที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดหัวใจ
- ดูการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ และลักษณะโครงสร้างของหัวใจ โดยมีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย
- ความแม่นยำของการตรวจใกล้เคียงกับการใส่สายสวน แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
เป็นการตรวจเพื่อหาภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ ที่สามารถนำไปสู่การค้นหาโรคอื่น ๆ อาทิ หลอดเลือดหัวใจ หรือหลอดเลือดสมองตีบได้ เป็นการตรวจที่ง่าย ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนเข้ารับการตรวจ ทราบผลเร็ว มีความแม่นยำสูง ไม่เสี่ยง
ใครที่ควร ตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง หรือ ABIc
- อายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคอ้วน
- ผู้ที่มีระดับของสารบางอย่างในเลือดสูง เช่น โฮโมซีสทีน (Homocysteine), ไลโพโปรตีน (Lipoprotein)
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือสูบบุหรี่มากกว่า 10 ปี
การตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง บอกอะไรเรา?
- ใช้ในการวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดแดงที่ขาตีบตัน
- ใช้ในการประเมินระดับความรุนแรงของการตีบของหลอดเลือด
- ใช้ประเมินผลภายหลังการรักษา