ตรวจแบบไหน…เหมาะกับหัวใจคุณ

12 มิถุนายน 2025
Views
Ruamjairak Hospital
ผู้เขียน

โรคหัวใจคือโรคยอดฮิตอันดับต้น ๆ ที่คร่าชีวิตของคนทั่วโลกมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งโรคหัวใจที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเยอะที่สุดทั่วโลกคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ซึ่งพบได้มากในผู้สูงอายุ ตามมาด้วยโรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคกล้ามเนื้อหัวใจ แม้ในอดีตโรคหัวใจจะเป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าคนที่อายุยังน้อยหรือวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้มากเช่นกัน

 

การตรวจคัดกรองโรคหัวใจ แพทย์มักเริ่มด้วยการตรวจร่างกายเบื้องต้น สอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย รวมถึงบุคคลในครอบครัวที่เคยป่วยเป็นโรคหัวใจ จากนั้นจึงพิจารณาความเป็นไปได้แล้วเลือกวิธีวินิจฉัยขั้นต่อไป 

เป็นการตรวจหัวใจเบื้องต้น มีประโยชน์ในการคัดกรองความผิดปกติหัวใจเบื้องต้น เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงในการตรวจ แต่สามารถให้ผลของการทำงานของหัวใจที่ละเอียดและมีประสิทธิภาพต่อการวินิจฉัย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำขั้วไฟฟ้ามาติดตามตำแหน่งต่างๆ เช่น ที่ข้อมือเท้า และหน้าอก หลังจากนั้นเครื่องจะประมวลผลเป็นกราฟคลื่นหัวใจ ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 5-10 นาที

 

ใครที่ควร ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ EKG

  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หรือสูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือมีอาการลิ้นหัวใจรั่ว

 

ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ บอกอะไรเรา?

 

  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute Myocardial Infarction)
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายหนาตัวผิดปกติจากสาเหตุต่าง ๆ  (Left Ventricular Hypertrophy)
  • โรคของกล้ามเนื้อหัวใจชนิดต่าง ๆ  (Cardiomyopathy)
  • โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis)
  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะทั้งแบบเต้นช้าผิดจังหวะ (Bradyarrhythmias) หรือแบบเต้นเร็วผิดจังหวะ (Tachyarrhythmias)
  • โรคของเกลือแร่ที่ผิดปกติบางชนิด เช่น ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงหรือต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงหรือต่ำ

เป็นการตรวจหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือตรวจหาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะที่เกิดขณะออกกำลังกาย โดยการวิ่งสายพาน ผู้ป่วยเหล่านี้อาจไม่มีอาการ หรือความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะพัก แต่เมื่อออกกำลังกายหัวใจจะมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ ทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดมีอาการแสดงและการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้

 

ใครที่ควร ตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือ EST

  • อายุ 40 ขึ้นไป 
  • เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ เหนื่อยมากเมื่อออกกำลังกาย

 

การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย  บอกอะไรเรา?

 

  • โรคหลอดเลือดตีบตัน
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

เป็นการตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ โครงสร้างหัวใจ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงผ่านผนังทรวงอก  โดยใช้การสะท้อนกลับของคลื่นเสียงความถี่สูงที่ถูกปล่อยออกมาจากหัวตรวจส่งผ่านผนังทรวงอกไปถึงหัวใจ เมื่อคลื่นเสียงผ่านอวัยวะต่างๆ ก็จะเกิดสัญญาณสะท้อนกลับที่แตกต่างกันระหว่างน้ำกับเนื้อเยื่อ คอมพิวเตอร์จะนำสัญญาณเหล่านี้มาแปลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจ 

 

ใครที่ควร ตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง หรือ ECHO

  • ผู้ที่มีอาการเหนื่อย หอบ และมีอาการบวม
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องของลิ้นหัวใจตีบ หัวใจโต

 

การตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกาย  บอกอะไรเรา?

 

  • โรคหัวใจโต 
  • ลิ้นหัวใจตีบ 
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ
  • โรคของเยื่อหุ้มหัวใจ

เป็นการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบตลอดเวลา ในช่วงระยะเวลา 24 – 48 ชั่วโมง โดยสามารถติดกลับบ้าน และทำงานได้ตามปกติ เครื่องจะทำการอัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอดเวลา หากมีอาการเครื่องจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้แพทย์ทราบถึงปัญหาได้

 

ใครที่ควรใช้ เครื่องบันทึกหัวใจ

  • ผู้ที่มีอาการใจสั่น 
  • หน้ามืด วูบ  เป็นลม หมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ผู้ที่มีอาการหัวใจเต็นผิดจังหวะ

 

เครื่องบันทึกหัวใจแบบพกพา  บอกอะไรเรา?

 

  • เพื่อติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจตลอด 24 ชั่วโมงว่ามีความผิดปกติแบบใด เกิดเวลาใด และมีอาการหรือไม่
  • เพื่อให้แพทย์ประเมินความถี่ และความรุนแรงของการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ ขณะทำกิจวัตรประจำวันที่บ้าน

เป็นการตรวจหัวใจเพื่อดูเส้นเลือดของหัวใจว่ามีหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน หรือความผิดปกติอื่นๆ ของหลอดเลือดหัวใจบ้างหรือไม่ รวมถึงใช้ติดตามผลการรักษาภายหลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งผู้ที่เข้ารับการตรวจวิธีนี้จะได้รับสารทึบรังสีเพื่อให้ได้ภาพเอกซเรย์ที่ดีที่สุด

 

ใครที่ควร  ตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CTA

  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ ผู้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือมีหลอดเลือดหัวใจผิดปกติ
  • ผู้ที่ต้องการติดตามผลการผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

 

การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ บอกอะไรเรา?

 

  • เพื่อดูแคลเซียมที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดหัวใจ
  • ดูการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ และลักษณะโครงสร้างของหัวใจ โดยมีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย
  • ความแม่นยำของการตรวจใกล้เคียงกับการใส่สายสวน แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

เป็นการตรวจเพื่อหาภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ ที่สามารถนำไปสู่การค้นหาโรคอื่น ๆ อาทิ หลอดเลือดหัวใจ หรือหลอดเลือดสมองตีบได้ เป็นการตรวจที่ง่าย ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนเข้ารับการตรวจ ทราบผลเร็ว มีความแม่นยำสูง ไม่เสี่ยง

 

ใครที่ควร  ตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง หรือ ABIc

  • อายุมากกว่า 50 ปี
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือโรคอ้วน
  • ผู้ที่มีระดับของสารบางอย่างในเลือดสูง เช่น โฮโมซีสทีน (Homocysteine), ไลโพโปรตีน (Lipoprotein)
  • ผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือสูบบุหรี่มากกว่า 10 ปี 

 

การตรวจการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง บอกอะไรเรา?

 

  • ใช้ในการวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดแดงที่ขาตีบตัน
  • ใช้ในการประเมินระดับความรุนแรงของการตีบของหลอดเลือด
  • ใช้ประเมินผลภายหลังการรักษา

คลินิกและศูนย์การรักษา