
กายภาพบำบัด (Physical Therapy) เป็นศาสตร์ที่ใช้ในการฟื้นฟู เป็นการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างความสามารถในการใช้ร่างกายด้วยเทคนิคต่างๆ ไม่เน้นการรับประทานยา หรือผ่าตัด แต่เน้นการบัดบำฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมกับการออกกำลังกาย หรือใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดที่เหมาะสมสำหรับอาการนั้นๆ โดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ
เป็นเครื่องมือรักษาด้วยแสงเลเซอร์กำลังสูง ช่วยกระตุ้นให้เกิดผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อ กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในบริเวณอักเสบ ระงับปวดเฉพาะที่ และช่วยลดการอักเสบ
High Power Laser Therapy สามารถรักษา
- กลุ่มอาการบาดเจ็บระยะเฉียบพลัน เช่น ปวดศีรษะไมเกรนกำเริบ, คอเคล็ด, ปวดนิ้วล็อค, ปวดรองช้ำ,ข้ออักเสบ, กล้ามเนื้ออักเสบ, บาดเจ็บจากเล่นกีฬา, เส้นเอ็นข้อไหล่อักเสบ , เส้นเอ็นข้อเข่าอักเสบ
- กลุ่มอาการปวดเรื้อรัง เช่น ออฟฟิศซินโดรม, ปวดคอ, ปวดบ่า, ปวดไหล่ , ปวดหลัง ,ปวดจากข้อเสื่อม หมอนรองกระดูกเคลื่อน, รองช้ำ
ข้อควรระวังสำหรับ High Power Laser Therapy
- ผู้ป่วยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ป่วยเบาหวาน มีปัญหาด้านการรับความรู้สึก มีความบกพร่องทางการสื่อสาร
- ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ Pacemaker
- ผู้ป่วยที่ใช้สเตียรอยด์ปริมาณมาก ผลการรักษาด้วยเลเซอร์จะต่ำลง
ข้อดีเกี่ยวกับ High Power Laser Therapy
- ลดอาการปวด ลดอักเสบได้ทันทีอย่างน้อย 40-50% หลังการรักษา
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1 ชั่วโมง ควรรับบริการ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
- ปลอดภัย ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่มีผลแทรกซ้อน
เป็นคลื่นกระแทกซึ่งจะไปกระตุ้น บริเวณที่บาดเจ็บให้เร่งการซ่อมแซม โดยการสร้างเซลล์ใหม่และเพิ่มหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ กระตุ้นให้เนื้อเยื่อหลั่งสารลดอาการอักเสบและลดอาการปวด ซึ่งการทำ Shockwave แต่ละครั้งคลื่นรักษาจะยิงไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่ตึงตัว โดยใช้จำนวนนัดยิงประมาณ 500-1,000 ช็อต
Shockwave สามารถรักษา
- อาการอักเสบเรื้อรังของเส้นเอ็น เช่น เอ็นข้อศอกอักเสบ, เอ็นหัวไหล่อักเสบ, เอ็นร้อยหวายอักเสบ และเอ็นส้นเท้าอักเสบ (รองช้ำ)
- กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หลัง และน่อง
ข้อควรระวังสำหรับ Shockwave Therapy
- ไม่ควรใช้ในบริเวณที่ผิวหนังเป็นแผล
- ไม่ควรใช้ในบริเวณที่มีการอักเสบของเส้นประสาท
- ไม่ควรใช้ในบริเวณที่มีหลอดเลือดโป่งพอง
เป็นการกระตุ้นระบบประสาทด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Electromagnetic เพื่อบำบัดรักษาอาการปวด เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ โรคเอ็นอักเสบ โรคปวดข้อต่อ และอาการชาจากเส้นประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ และรู้สึกผ่อนคลายในขณะรักษา
PMS สามารถรักษา
- บรรเทาอาการปวดทุกชนิด ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง
- บรรเทาอาการชาที่เกิดจากปลายประสาท การกดทับเส้นประสาทต่างๆ หรืออาการชาที่เกิดจากโรคเบาหวาน
- ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ช่วยชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ และใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกได้ดี
ข้อควรระวังสำหรับการรักษาอาการปวดด้วย PMS
- ผู้มีประวัติลมชัก
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีโลหะติดตัวในบริเวณที่จะทำการรักษา
ข้อดีเกี่ยวกับการรักษาอาการปวดด้วย PMS
- เห็นผลทันทีหลังการรักษา
- รักษาได้ผลทั้งระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลันและเรื้อรัง
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1 ชั่วโมง ควรรับบริการสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คล้ายกับเครื่อง MRI เป็นคลื่นแม่เหล็กที่สามารถทะลุผ่านอวัยวะต่างๆ เพี่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ
TMS สามารถรักษา
- ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอุดตันที่มีอาการมาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน
- ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่รักษาด้วยยาในขนาดที่เหมาะสมมาแล้ว และอาการยังไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งปีนับจากเริ่มทานยาต้านเศร้า
- ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ระยะเริ่มต้นถึงระยะปานกลาง
- ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะเรื้องรัง ไมเกรน
ข้อควรระวังสำหรับการรักษาด้วย TMS
- ผู้ที่มีการฝังโลหะหรือชิ้นส่วนของโลหะในสมอง
- ผู้ติดเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือเครื่องมือที่ฝังอยู่ในร่างกาย เพราะสนามแม่เหล็กจะรบกวนการทำงานของวงจรไฟฟ้าของเครื่องเหล่านั้นได้
ข้อดีเกี่ยวกับการรักษาด้วย TMS
- เป็นทางเลือกเพื่อช่วยในการฟื้นฟูภาวะอ่อนแรงจากอัมพฤกษ์ อัมพาตในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอุดตัน
- ทางเลือกในการรักษาภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่รักษาด้วยยาต้านซึมเศร้าแล้วไม่ตอบสนองเท่าที่ควร
- ทางเลือกในการฟื้นฟูการทำงานของสมองในผู้ป่วยที่มีภาวะความจำถดถอยจากโรคอัลไซเมอร์
- ลดและป้องกันภาวะปวดศีรษะไมเกรน
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ควรรับบริการสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง