รู้ทัน วัณโรค

12 มิถุนายน 2025
Views
Ruamjairak Hospital
ผู้เขียน

 

วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis จัดอยู่ในกลุ่ม Mycobacterium tuberculosis complex วัณโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอด (ร้อยละ 80) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย วัณโรคนอกปอดอาจพบได้ในอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น

 

  1. พบได้ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคเอดส์ หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
  3. ผู้ที่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
  4. มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากมีโรคบางอย่างหรือเข้ารับการรักษาบางประเภท เช่น ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือ กำลังทำเคมีบําบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
  5. ผู้ติดสารเสพติด

 

  1. ไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ทำให้บางรายมีอาการหอบ หรือไอมีเสมหะปนเลือด
  2. หนาวสั่น ไข้ต่ำ เหงื่อออกผิดปกติในเวลากลางคืน
  3. เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
  4. มีอาการอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง
  5. ในรายที่เป็นเด็กอาการจะรุนแรงหนักกว่าผู้ใหญ่เพราะภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่า

 

 

โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคอาจเป็นกันได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากปอดก็ได้ เช่น ไต กระดูกสันหลัง หรือสมอง โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณร่างกายที่เกิด เช่น ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังหากวัณโรคลงกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยอาจมีเลือดในปัสสาวะหากวัณโรคลงไต

 

  1. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  2. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค หรือ สวมหน้ากากอนามัย เมื่อมีความเสี่ยงต่อการอยู่ใกล้ผู้ป่วยวัณโรค
  3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV
  4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด
  5. ควรตรวจร่างกายโดยการเอกซเรย์ปอดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

แม้วัณโรคจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำได้เช่นกันหากผู้ป่วยรับประทานยาไม่ครบตามกำหนด ดังนั้น เป้าหมายสำคัญในการรักษา คือ การรักษาให้หายขาดเพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อและป้องกันการดื้อยาของเชื้อวัณโรค

  • ผู้ป่วยวัณโรคมีระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด 6 เดือน โดย 2 เดือนแรกต้องรับประทานยา 4 ชนิด เช่น ไอโซไนอะซิด (Isoniazid) , ริฟามพิน (Rifampin) , เอทแทมบูท (Ethambutol) , ไพราซีนาไมด์ (Pyrazinamide)
  • เมื่อรักษาครบ 2 เดือน แพทย์จะตรวจเสมหะหรือเอกชเรย์ปอดช้ำ หากมีการตอบสนองที่ดีแพทย์จะลดยาเหลือ 2 ชนิด และให้การรักษาต่อไปอีก 4 เดือน

ที่มา : กองวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

คลินิกและศูนย์การรักษา